เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคฤหมงคล ณ พระตำหนักใหม่ ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเป็นที่ประทับพักร้อนที่ทุ่งนาริมคลองพญาไท ซึ่งเคยเป็นทุ่งนาหลวงทดลองปลูกธัญพืชและประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนา ขวัญอยู่หลายปี
หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ สวรรคตเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2453 สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี ได้เสด็จย้ายพระราชฐานจากพระบรมมหาราชวังมาประทับ ณ พระตำหนักพญาไทเป็นการถาวรจนตลอดพระชนมายุ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายหลังที่สมเด็จพระบรมราชชนนีสวรรคตใน พ.ศ.2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักที่ประทับและอาคารบริวาร คงไว้แต่ท้องพระโรงองค์เดียว คือ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหมู่พระราชมณเฑียรประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์ มีพระที่นั่งพิมานจักรีเป็นองค์ประธาน และพระที่นั่งรองอีก 3 องค์ พระราชทานนามว่า ไวกูณฐเทพยสถาน ศรีสุทธนิวาส และอุดมวนาภรณ์ การก่อสร้างแล้วเสร็จในเวลา 2 ปี จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรตามพระราชประเพณี ในวันที่ 16 และ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2465 ยกขึ้นเป็นพระราชวังเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมชนกนาถและพระบรมราชชนนี
ณ พระราชวังแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงนิพนธ์วรรณกรรมชิ้นเอกหลาย เรื่อง งานด้านการปกครองที่โดดเด่น คือ ดุสิตธานี เมืองจำลองในพื้นที่ 2 ไร่เศษ ด้านหลังพระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งพระองค์ทรงใช้ประโยชน์ 2 ประการ คือปฏิบัติการทดลองปกครองและสอนระบอบประชาธิปไตย
หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระราชวังแห่งนี้ไม่ได้ใช้เป็นพระราชฐานที่ประทับอีกต่อไป จึงได้มีการดัดแปลงเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง โฮเต็ลพญาไทเริ่มดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2468 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้ส่วนหนึ่งของพระราชวังเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุ กระจายเสียง ถ่ายทอดกระแสพระราชดำรัสเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 เมื่อสถานีแห่งนี้ย้ายออกไปรวมกับสถานีวิทยุกระจายเสียง ศาลาแดง ทางราชการจึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้เป็นที่ตั้งกองเสนารักษ์ จังหวัดทหารบกกรุงเทพฯ และในเดือนมกราคม พ.ศ.2489 ได้แปรสภาพกองเสนารักษ์เป็นโรงพยาบาล ต่อมากรมแพทย์ทหารบกได้อัญเชิญพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า อยู่หัวมาสถาปนาเป็นชื่อโรงพยาบาล ในนาม "โรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า" ได้กระทำพิธีเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2495 อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคต เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ไปชมพระราชวังพญาไท
พระราชวังพญาไทตั้งอยู่ที่ถนนราชวิถี เขตราชเทวี บริเวณเดียวกันกับโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยฯ เท่าไรนัก เมื่อมองเข้าไปจากถนนราชวิถี จะเห็นพระราชวังสวยเด่นเป็นสง่า เนื่องจากด้านหน้าเป็นสนามหญ้ากว้างจึงไม่มีสิ่งใดมาบดบังความงามของ พระราชวัง จะมีก็เพียงต้นไม้ใหญ่ด้านข้างที่มาช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้เท่านั้น
หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ สวรรคตเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2453 สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี ได้เสด็จย้ายพระราชฐานจากพระบรมมหาราชวังมาประทับ ณ พระตำหนักพญาไทเป็นการถาวรจนตลอดพระชนมายุ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายหลังที่สมเด็จพระบรมราชชนนีสวรรคตใน พ.ศ.2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักที่ประทับและอาคารบริวาร คงไว้แต่ท้องพระโรงองค์เดียว คือ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหมู่พระราชมณเฑียรประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์ มีพระที่นั่งพิมานจักรีเป็นองค์ประธาน และพระที่นั่งรองอีก 3 องค์ พระราชทานนามว่า ไวกูณฐเทพยสถาน ศรีสุทธนิวาส และอุดมวนาภรณ์ การก่อสร้างแล้วเสร็จในเวลา 2 ปี จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรตามพระราชประเพณี ในวันที่ 16 และ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2465 ยกขึ้นเป็นพระราชวังเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมชนกนาถและพระบรมราชชนนี
ณ พระราชวังแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงนิพนธ์วรรณกรรมชิ้นเอกหลาย เรื่อง งานด้านการปกครองที่โดดเด่น คือ ดุสิตธานี เมืองจำลองในพื้นที่ 2 ไร่เศษ ด้านหลังพระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งพระองค์ทรงใช้ประโยชน์ 2 ประการ คือปฏิบัติการทดลองปกครองและสอนระบอบประชาธิปไตย
หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระราชวังแห่งนี้ไม่ได้ใช้เป็นพระราชฐานที่ประทับอีกต่อไป จึงได้มีการดัดแปลงเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง โฮเต็ลพญาไทเริ่มดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2468 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้ส่วนหนึ่งของพระราชวังเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุ กระจายเสียง ถ่ายทอดกระแสพระราชดำรัสเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 เมื่อสถานีแห่งนี้ย้ายออกไปรวมกับสถานีวิทยุกระจายเสียง ศาลาแดง ทางราชการจึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้เป็นที่ตั้งกองเสนารักษ์ จังหวัดทหารบกกรุงเทพฯ และในเดือนมกราคม พ.ศ.2489 ได้แปรสภาพกองเสนารักษ์เป็นโรงพยาบาล ต่อมากรมแพทย์ทหารบกได้อัญเชิญพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า อยู่หัวมาสถาปนาเป็นชื่อโรงพยาบาล ในนาม "โรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า" ได้กระทำพิธีเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2495 อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคต เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ไปชมพระราชวังพญาไท
พระราชวังพญาไทตั้งอยู่ที่ถนนราชวิถี เขตราชเทวี บริเวณเดียวกันกับโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยฯ เท่าไรนัก เมื่อมองเข้าไปจากถนนราชวิถี จะเห็นพระราชวังสวยเด่นเป็นสง่า เนื่องจากด้านหน้าเป็นสนามหญ้ากว้างจึงไม่มีสิ่งใดมาบดบังความงามของ พระราชวัง จะมีก็เพียงต้นไม้ใหญ่ด้านข้างที่มาช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้เท่านั้น
ลักษณะที่เด่นของพระราชวังพญาไทก็คือ หอคอยสูง หลังคายอดแหลม สถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกยุคเฟื่องฟู เน้นความเรียบง่ายแต่สง่างาม มีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของเมืองไทย เห็นได้จากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน และพระที่นั่งพิมานจักรีจะมีหน้าต่างเปิดกว้างหลายบาน ซึ่งรับลมได้ทุกด้าน
เมื่อเรามองจากทางด้านหน้าจะเห็นหมู่พระที่นั่ง 4 องค์เชื่อมต่อกันทั้งหมด จากด้านซ้ายสุดคือพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส มีทางเดินเชื่อมต่อในระดับชั้นที่สองของอาคารเข้าสู่พระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ประธาน ต่อด้วยพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน และต่อไปยังพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ พระที่นั่งทั้ง 4 องค์เป็นแบบก่ออิฐฉาบปูน มีความสูง 2 ชั้น นอกจากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานซึ่งได้ต่อเติมชั้นที่สามภายหลังเป็นห้องพระ บรรทมและห้องส่วนพระองค์ ส่วนด้านหน้าของพระที่นั่งพิมานจักรี จะเป็นอาคารชั้นเดียวสำหรับเป็นที่เทียบรถพระที่นั่งและที่พักคอยขอเข้าเฝ้า
เมื่อเรามองจากทางด้านหน้าจะเห็นหมู่พระที่นั่ง 4 องค์เชื่อมต่อกันทั้งหมด จากด้านซ้ายสุดคือพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส มีทางเดินเชื่อมต่อในระดับชั้นที่สองของอาคารเข้าสู่พระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ประธาน ต่อด้วยพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน และต่อไปยังพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ พระที่นั่งทั้ง 4 องค์เป็นแบบก่ออิฐฉาบปูน มีความสูง 2 ชั้น นอกจากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานซึ่งได้ต่อเติมชั้นที่สามภายหลังเป็นห้องพระ บรรทมและห้องส่วนพระองค์ ส่วนด้านหน้าของพระที่นั่งพิมานจักรี จะเป็นอาคารชั้นเดียวสำหรับเป็นที่เทียบรถพระที่นั่งและที่พักคอยขอเข้าเฝ้า
พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ เป็นท้องพระโรงเดิมในรัชสมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งเสด็จมาประทับที่วังพญาไทเมื่อปี พ.ศ.2453 ถือว่าเป็นพระที่นั่งองค์แรกที่สร้างก่อนพระที่นั่งองค์อื่น ๆ ทั้งหมดในหมู่พระที่นั่งของพระราชวังพญาไท เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาในงานพระราชกุศล เช่น งานเฉลิมพระชนมพรรษา ใช้รับรองแขกส่วนพระองค์ที่มาเข้าเฝ้า บางครั้งเป็นโรงละคร หรือโรงภาพยนตร์แล้วแต่โอกาส
ภายในท้องพระโรงของพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ จะเห็นโครงหลังคาโค้งที่ทำด้วยไม้ ส่วนบนเป็นเฉลียงที่มีเสารับกับพื้น ติดด้วยเท้าแขนจำหลักลายทั้ง 4 ด้าน
ส่วนล่างเป็นหน้าต่างยาวเปิดถึงพื้น แต่เดิมเป็นกระจกสี ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกระจกสีขาว เมื่อเปิดประตูทุกบานจะเป็นศาลาโปร่งโล่ง ลมเข้าได้ทุกทิศ เย็นสบาย ในสมัยนั้นจะเรียกว่า ศาลาติดลูกไม้
พระที่นั่งพิมานจักรี พระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระที่นั่ง เป็นอาคารก่ออิฐ ฉาบปูน สูง 2 ชั้น มีจิตรกรรมสีปูนเปียก (fresco secco) บนเพดานและบริเวณด้านบนของผนัง เขียนเป็นลายเชิ้งฝ้าเพดานรูปดอกไม้ สวยงาม บานประตูเป็นไม้สลักลายปิดทอง เหนือบานประตูจารึกอักษรพระปรมาภิไธย ร.ร.๖ ห้องที่น่าสนใจ คือ ท้องพระโรงกลาง ห้องพระบรรทมเดิม ห้องทรงพระอักษร ฯลฯ
ภายในท้องพระโรงของพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ จะเห็นโครงหลังคาโค้งที่ทำด้วยไม้ ส่วนบนเป็นเฉลียงที่มีเสารับกับพื้น ติดด้วยเท้าแขนจำหลักลายทั้ง 4 ด้าน
ส่วนล่างเป็นหน้าต่างยาวเปิดถึงพื้น แต่เดิมเป็นกระจกสี ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกระจกสีขาว เมื่อเปิดประตูทุกบานจะเป็นศาลาโปร่งโล่ง ลมเข้าได้ทุกทิศ เย็นสบาย ในสมัยนั้นจะเรียกว่า ศาลาติดลูกไม้
พระที่นั่งพิมานจักรี พระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระที่นั่ง เป็นอาคารก่ออิฐ ฉาบปูน สูง 2 ชั้น มีจิตรกรรมสีปูนเปียก (fresco secco) บนเพดานและบริเวณด้านบนของผนัง เขียนเป็นลายเชิ้งฝ้าเพดานรูปดอกไม้ สวยงาม บานประตูเป็นไม้สลักลายปิดทอง เหนือบานประตูจารึกอักษรพระปรมาภิไธย ร.ร.๖ ห้องที่น่าสนใจ คือ ท้องพระโรงกลาง ห้องพระบรรทมเดิม ห้องทรงพระอักษร ฯลฯ
พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน ห้องที่น่าสนใจเข้าชม คือ ห้องพระบรรทม และห้องพระสมุด ซึ่งบนเพดานมีภาพจิตรกรรมสีปูนเปียกเป็นรูปเทวดาน้อยสี่องค์ทรงดนตรีสี่ชนิด ดีด สี ตี เป่า ล่องลอยบนท้องฟ้า ในสมัยที่พระองค์ทรงประทับอยู่ ด้านหลังทรงทอดพระเนตรสวนโรมันและเมืองดุสิตธานี (เมืองจำลองประชาธิปไตย) ของพระองค์ได้ ระเบียงด้านหน้าทรงทอดพระเนตรในเขตพระนครได้ไกล
พระที่นั่งนี้เคยเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง กรุงเทพฯ ที่พญาไท เมื่อปี พ.ศ.2473 โดยในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2473 ซึ่งตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคลในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้มีการเปิดการส่งวิทยุกระจายเสียงเป็นปฐมฤกษ์ พิธีเปิดสถานีได้กระทำโดยอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว ซึ่งพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการฝ่ายหน้าในพระราชพิธีนั้น จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง มีไมโครโฟนตั้งรับกระแสพระราชดำรัสถ่ายทอดไปตามสายมาเข้าเครื่องส่งที่พญาไท แล้วกระจายเสียงสู่พสกนิกรที่มีเครื่องรับวิทยุในสมัยนั้นได้รับฟัง การจัดตั้งสถานีวิทยุดังกล่าวดำเนินไปได้เพียง 2 ปี ก็เกิดเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475 และได้ย้ายไปยังที่ทำการตำบลศาลาแดงแทน
พระที่นั่งนี้เคยเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง กรุงเทพฯ ที่พญาไท เมื่อปี พ.ศ.2473 โดยในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2473 ซึ่งตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคลในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้มีการเปิดการส่งวิทยุกระจายเสียงเป็นปฐมฤกษ์ พิธีเปิดสถานีได้กระทำโดยอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว ซึ่งพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการฝ่ายหน้าในพระราชพิธีนั้น จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง มีไมโครโฟนตั้งรับกระแสพระราชดำรัสถ่ายทอดไปตามสายมาเข้าเครื่องส่งที่พญาไท แล้วกระจายเสียงสู่พสกนิกรที่มีเครื่องรับวิทยุในสมัยนั้นได้รับฟัง การจัดตั้งสถานีวิทยุดังกล่าวดำเนินไปได้เพียง 2 ปี ก็เกิดเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475 และได้ย้ายไปยังที่ทำการตำบลศาลาแดงแทน
สวนโรมัน ตกแต่งสวนเป็นลักษณะเรขาคณิต ประกอบด้วยศาลาที่ใช้รูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ศาลาทรงกลมตรงกลาง มีหลังคาโดมรับด้วยเสาแบบคอรินเธียน ขนาบด้วยศาลาทรงสี่เหลี่ยมโปร่งไม่มีหลังคา มีการประดับด้วยตุ๊กตาปูนปั้นแบบโรมันบริเวณบันไดทางขึ้น ซึ่งต่อเนื่องกับด้านหน้าที่มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ในแนวแกนเดียวกับโดม มีทางเดินกว้างโดยรอบสระน้ำเชื่อมต่อกับศาลา ซึ่งศาลานี้ใช้เป็นเวทีการแสดงกลางแจ้งในบางโอกาส